เชื่อได้เลยว่าใครที่นั่งชมเกมอยู่นี่ต้องมีอึ้ง เพราะในเกมไม่น่าเชื่อว่า มีใบเหลืองเกิดขึ้นแบบระนาวกราวรูด ทั้งสองทีมต่างสะสมใบเหลืองไปรวมๆ กันถึง 14 ใบ ในเกมเดียว ผู้ตัดสินที่มีส่วนกับการสร้างสถิติใหม่บนเวทีพรีเมียร์ลีกนี้ก็คือ แอนโทนี่ เทเลอร์ (Anthony Taylor) สำหรับทั้ง 14 ใบนี่เป็นเป็นนักเตะ เชลซี (Chelsea) โดนไปถึง 8 ใบ ส่วน บอร์นมัธ (Bournemouth) รับไป 6 ใบเหลือง นี่ยังไม่ได้นับรวมกุนซือของทั้งสองฝั่งที่โดนกันไปอีกคนละใบ กลายเป็นเกมแห่งการสะสมใบเหลืองอย่างแท้จริง

แอนโทนี่ เทเลอร์ ผู้ตัดสินที่สร้างสถิติไม่น่าอภิรมย์ ให้พรีเมียร์ลีก กับรายละเอียดการแจกใบเหลือง ทั้ง 14 ใบ

หากเราจะมองแค่ตัวเลขถือว่าการแจกใบเหลืองถึง 14 ในหนึ่งเกมนั้นถือได้ว่าสูงมาก จนหากใครไม่ได้ดูคงจะคิดว่าเฮ้ย เกมมันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอวะ แต่เอาจริงๆ แล้วหากใครได้รับชมอยู่จะรู้เลยว่า มันก็ดูสมเหตุสมผลอยู่นะ เพราะอย่าลืมว่าแม้จะมีใบเหลืองถึง 14 ใบแต่กลับไม่มีใบแดงเลยแม้แต่ใบเดียว ที่นี้ลองมาดูรายละเอียดภายในเกมกัน สำหรับเกมนี้ต้องบอกเลยว่าตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ทเกมนั้น ทางฝั่ง บอร์นมัธ (Bournemouth) เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าทีมเยือนอย่าง เชลซี ค่อนข้างชัดเจน ส่วนใหญ่แล้วในเกมแบบนี้ สถิติการให้ใบเหลือง ไม่ค่อยตั้งไว้สูงขนาดจะเลย7-8 ในดูได้จากใน sbo แต่เกมนี้กลับทะลุ เกิน 10 ใบไปแบบเกินความคาดหมาย แม้ในในเว็บ sbo ก็คงคาดไม่ถึงเช่นกัน ในส่วนของเกม นักเตะคนที่มักจะโดนทำฟาล์ว ตัดเกม มากที่สุดก็คือ โคล พาลเมอร์ (Cole Palmer) ดาวเตะตัวเก่งของทีม เชลซี (Chelsea) เนื่องด้วยเจ้าตัวมีทักษะที่ยอดเยี่ยมก็ไม่แปลกที่จะโดนตัดฟาล์วบ่อยๆ แต่พอมาดูรายละเอียดในเกม กลับเป็นทางฝั่ง เชลซี (Chelsea) ที่โดนใบเหลืองไปมากถึง 8 ใบด้วยกัน เรียกได้ว่าเกือบครบทีมเลยทีเดียว เริ่มเกมมากว่าจะมีใบเหลืองแรก ก็เข้านาทีที่ 18 ไรอัน คริสตี้ (Ryan Christie) โดนไปก่อนเป็นประเดิมของทางฝั่ง บอร์นมัธ  (Bournemouth)  จากนั้นผ่านพ้นครึ่งชั่วโมง ใบที่สองก็มาคราวนี้เป็นทางฝั่ง เชลซี ที่โดนบ้าง และคนที่โดนก็คือ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า (Wesley Fofana) กองหลังของทีมสิงห์บลู เอาจริงๆ พอมาถึงตรงนี้ ก็ยังดูปกติทุกอย่าง ผ่านครึ่ง ชั่วโมงเพิ่งจะมีแค่ 2 ใบเหลือง แต่ทว่าหลังจากนี้นี่สิ นาทีที่ 35 เลวิส คุ๊ก (Lewis Cook)  รับใบเหลืองไป ต่อมานาทีที่ 36 มาร์ค คูคูเลย่า (Marc Cucurella) แบ็คซ้ายของ เชลซี (Chelsea) โดนไปอีกคน พอมา นาทีที่ 37 อันนี้เป็นช่วงที่ทางด้าน บอร์นมัธ ได้จุดโทษ โรเบิร์ต ซานเชซ (Robert Sánchez) ได้ใบเหลืองจากการไปทำฟาล์ว ใส่ทางด้านของ เอวานิลสัน (Evanilson) กองหน้าชาวบราซิเลี่ยน ของ บอร์นมัธ ซึ่งเอาจริงๆ ช่วงนี้ค่อนข้างชุลมุนกันมากๆ เพราะมี อดัม สมิธ (Adam Smith) ที่โดนไปด้วยอีกคน หลังจากที่ ทาง เอวานิลสัน (Evanilson) นั้นยิงจุดโทษไม่เข้า ไม่นานก็จบครึ่งแรกไปโดยมีใบเหลืองไปแล้วถึง 6 ใบ

แค่ครึ่ง แอนโทนี่ เทเลอร์ แจกไปแล้ว 6 ใบเหลือง ครึ่งยังคงกระหน่ำแจกไม่หยุด ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้จัดการทีมทั้งสองฝั่ง

 

เกมนี้ถือได้ว่าทาง แอนโทนี่ เทเลอร์ นั้นค่อยข้างที่จะเฮี้ยบ ดุ เคร่งจริงๆ เพราะพี่แก แจกใบเหลืองต่อแบบไม่หยุดยั้ง เริ่มครึ่งหลังมาไม่นาน นิโคลัส แจ็คสัน  (Nicolas Jackson) ก็โดนไปเหลืองไปในนาทีที่ 52  ถัดมานาทีที่ 57 ลีวาย โควิลล์ (Levi Colwill) ของเชลซี ก็รับใบเหลืองไปอีกราย จาดอน ซานโช่ (Jadon Sancho) ดาาวเตะที่เพิ่งจะลงมาก็มาโดนไปอีกคน นาทีที่ 60 จัสติน ไคลร์เวิร์ต (Justin Kluivert) รับไปอีกหนึ่งเหลือง เข้าสู่ช่วงนาทีที่ 80 เกมที่ตื้อๆ ตันๆ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว มาร์กอส เซเนสซี่ (Marcos Senesi) โดนใบเหลืองไปอีกราย เกมมันทำท่าว่าจะจบเจ๊าเสมอกันไป 0-0 อยู่แล้วแต่แล้ว นาทีที่ 85 ซูเปอร์ซัพ อย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคุ (Christopher Nkunku) ลงมาทำประตูได้สำเร็จ ถึงตางนาทีที่ 86 เข้าไปแล้วโอกาสแก้ตัวของ บอร์นมัธ เหลือน้อยลงทุกทีจากจังหวะที่ได้ประตูนี้ เรนาโต้ เวียก้า (Renato Veiga) ก็โดนใบเหลืองแบบคิดน้อยไปหน่อยอีกคนจากจังหวะดีใจเกินพิกัด ไปหน่อย ช่วงเวลาที่เหลือ เชลซีเหมาไปอีก 2 ใบเหลือง นั่นก็คือ เจา เฟลิกซ์ (João Félix ) และ แอนโทนี่ เวมานโย่ ศิริรวมแล้วนักเตะรวมกัน โดนไปทั้งหมด 14 ใบ  ผู้จัดการทีม ทั้ง เอ็นโซ่ มาเรสก้า (Enzo Maresca)  รวมไปถึง อันโดนี่ อิราโอล่า (Andoni Iraola) กุนซือของทั้งสองทีมก็ไม่รอดเช่นกันกลายเป็นสถิติใหม่ในพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ไปเสียแล้ว